หากพูดถึง ประโยชน์ของ รากกัญชา / กัญชง หลาย ๆ คนอาจไม่รู้มาก่อนว่านำมาใช้กับอะไรบ้าง เพราะมักจะคิดถึงส่วนอื่น ๆ อย่างช่อดอกหรือใบเป็นหลัก อีกทั้งการใช้ประโยชน์ก็ยังค่อนข้างจะแตกต่างกันอยู่พอสมควร กัญชา (Marijuana) และกัญชง (Hemp) ถึงแม้จะเป็นพืชล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดเดียวกันอยู่ในวงศ์ตระกูลเดียวกัน มีลักษณะของส่วนต่าง ๆ คล้ายกัน ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็แทบจะแยกไม่ออก แต่ที่แตกต่างกันชัดเจนก็คือการออกฤทธิ์ หรือสารที่ได้รับนั้นเอง
ความแตกต่างกันระหว่างกัญชงกับกัญชา
สิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับพืชสองชนิดนี้ก็คือ สาร THC (Tetrahydroconnabinol) เป็นสารที่พบได้มากในกัญชาที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เกิดอาการเคลิ้ม มีความสุข ตัวเบา ผ่อนคลาย และง่วง หรือที่เรียกกันว่าเมากัญชานั่นเอง จึงทำให้กัญชาจึงเป็นที่นิยมให้เพื่อสันทนาการ (ใช้ในทางการแพทย์ด้วย) แต่ในทางกลับกัน ในกัญชงจะมีสาร THC มาก แต่อุดมไปด้วยสาร CBD (Canabidiol) ไม่ส่งผลต่อจิตประสาท เมื่อเสพเข้าไป จะไม่ได้เคลิบเคลิ้ม เมา เหมือนกับกัญชา แต่จะส่งผลต่อร่างกาย เช่น ลดอาการเจ็บปวด หรือช่วยต้านอาการของโรคลมชัก จึงมักถูกสกัดเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ อีกทั้งลำต้นมักถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอบางชนิดอีกด้วย เช่น เสื้อผ้า แฟชั่น เป็นต้น
แต่รู้หรือไม่ว่าทั้งกัญชากับกัญชง มีสิ่งที่ให้ประโยชน์เหมือนกันอยู่ นั่นก็คือส่วนของราก ที่มีสรรพคุณเหมือนกัน ให้ประโยชน์ทางการรักษาไม่แพ้กัน ทั้งรากของกัญชา และรากกัญชงจะไม่มีสาร THC ที่ทำให้ร่างกายเกิดผลข้างเคียง หรือผลเสียต่าง ๆ ต่อร่างกายไม่ว่าจะเป็น อาการเมา เวียนศีรษะ ใจสั่น เห็นภาพหลอน จึงทำให้ส่วนรากของพืชทั้งสองชนิดนี้ถูกใช้ในการดูแลสุขภาพมาอย่างยาวนานในหลายประเทศทั่วโลก เพราะเต็มไปด้วยสารที่มีประโยชน์มากมาย ซึ่งสรรพคุณเด่น ๆ จะช่วยเรื่อง ต้านการอักเสบ ลดปวด โดยสารสำคัญก็มีดังต่อไปนี้
สารสำคัญที่พบได้ใน รากกัญชา / กัญชง
สารฟริเดลีน (Friedelin)
สารฟริเดลีน เป็นสารที่พบได้ในพืชหลายชนิด แต่จะพบได้มากในรากกัญชาหรือรากกัญชง ตั้งแต่ในอดีตจะใช้สารชนิดนี้รักษาอาการต่าง ๆ มากมาย แต่โดดเด่นที่สุดคือ แก้อาการปวด ลดไข้ ซึ่งมีสรรพคุณลดอุณหภูมิที่สูงของร่างกายให้ลดลง เหมือนกับคุณสมบัติที่ได้จากยาพาราเซตามอล
สารเพนต้าไซคลิก ไตรเทอร์พีน (Pentacyclic triterpene)
ถึงแม้จะมีงานวิจัยไม่มากนักเกี่ยวกับสาร เพนต้าไซคลิก ไตรเทอร์พีน แต่มีการพบว่าสารชนิดนี้ อาจสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งด้วยการกระตุ้นโปรแกรมการตายของเซลล์ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติขับปัสสาวะ ลดแบคทีเรีย และช่วยลดอาการอักเสบได้เป็นอย่างดี
สารโคลีน (Choline)
ในรากกัญชา และกัญชง มีสารตั้งต้นของสารสื่อประสาท Acetylcholine โดยส่วนรากที่มีส่วนในการดูดซึมสารอาหารเพื่อไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของพืช นั่นจึงทำให้ส่วนรากอุดมไปด้วยสารโคลีน เป็นสารอาหารสำคัญที่จะช่วยพัฒนาการของสมอง และประสาทให้เป็นปกติ อีกทั้งยังช่วยลดอาการบวม ลดการอักเสบของโรคหอบหืด
สาร Atropine
ช่วยต้านสภาวะระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (parasympathetic) ที่ไปลดการหลั่งน้ำลาย น้ำเมือก สารคัดหลั่งในหลอดลม ต้านการหดเกร็งของหลอดลม ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงาน หัวใจเต้นช้า หายใจเข้าเพื่อนำอากาศเข้าปกติ
สารชนิด monoterpene
สารชนิดนี้อุดมไปด้วย carvon และ dihydrocarvone ที่มีสรรพคุณหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ต้านอนุมูลอิสระ, ต้านแบคทีเรีย, ต้านเชื้อราต้านการอักเสบ, ต้านมะเร็ง, ต้านปรสิต, ป้องกันระบบประสาท, ป้องกันโรคอ้วน, ต้านเบาหวาน และต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่
สารชนิด Alkaloids
เป็นสารที่มี Cannabisativine และ Anhydrocammabisativine ที่สามารถช่วยลดไข้ แก้ปวด, แก้อาเจียน, ต้านปรสิต ป้องกันเนื้องอก และใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
สารชนิด Sterols
เป็นสารที่มี Sitosterol Campesterol และ stigmasterol มีสรรพคุณช่วยลดระดับคอเรสเตอรอล จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ ยังช่วยลดอาการต่อมลูกหมากโต ลดอาการข้ออักเสบรูมาตอยด์ ช่วยชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ และช่วยทำลายเซลล์มะเร็งเต้านม
ประโยชน์ของ รากกัญชา / กัญชง ในการรักษาโรค
ในรากกัญชง และรากกัญชา ประกอบด้วยสารที่มีประโยชน์มากมายอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นซึ่งสรรพคุณที่ได้ก็สามารถช่วยรักษาอาการดังต่อไปนี้
- ใช้รักษาประจำเดือนมาไม่ปกติ ตกขาว หรืออาการตกเลือด อาการเลือดออกจากช่องคลอดกระปริดกระปรอย
- รักษาอาการปวดข้อต่อต่าง ๆ และรักษาโรคเกาต์
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ้วยเสริมองพัฒนายาฯ่อย่างไรก ที่วนรากอุดมไปด้วยสารใช้เพื่อปรับความสมดุลของร่างกายให้เป็นปกติ
- ป้องกันมะเร็งชนิดต่าง ๆ
- ทำเป็นเครื่องดื่มชาเพื่อสุขภาพ
จากการวิจัยในต่างประเทศที่พบว่า สารในกัญชาช่วยลดอาการปอดอักเสบรุนแรงที่เรียกว่า “cytokine storm” จะมีอาการหายใจลำบากเฉียบพลันที่รุนแรง โดยเฉพาะสาเหตุจากโควิด-19 ซึ่งสารเทอร์ปีน มีสรรพคุณในด้านต้านการอักเสบรุนแรง ที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ปอดเสียหาย หลายประเทศจึงศึกษานำกัญชามารักษาอาการโควิด-19 และในประเทศไทยก็ได้มีการวิจัยสารในรากกัญชาในหลอดทดลองพบว่า มีผลช่วยรักษาเซลล์เนื้อเยื่อของปอดจึงได้เริ่มมีการศึกษาพัฒนาอย่างจริงจังมากขึ้น โดยหวังจะใช้ประโยชน์เพื่อจะนำไปฟื้นฟูเซลล์เนื้อเยื่อปอดที่ถูกทำลายจากโควิด-19 รวมไปถึงอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย แต่ก็ยังอยู่ในกระบวนการทดลองวิจัย แต่หากทำได้ถือว่าจะเป็นประโยชน์มหาศาลในวงการการแพทย์เป็นอย่างมาก
รากกัญชา และรากกัญชง ยังถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางสร้างผลิตภัณฑ์ออกมาสู่ท้องตลาดมากมาย เช่น กลุ่มยาสมุนไพร ยาต้านการอักเสบ หรือจะเป็นกลุ่มเครื่องสำอาง ก็มีทั้งครีมหรือบาล์มบำรุงผิว ครีมพอกหน้า ลูกประคบ ยารักษาสิว หรือยารักษาโรคเกี่ยวกับผิวหนัง ลดอาการอักเสบ ลดรอยไหม้จากผิวหนัง ส่วนในกลุ่มอาหาร ก็มีทั้งขนม เครื่องดื่มนำไปใช้หมักไวน์ ทำชาสมุนไพร หรือเพิ่มความหนืดในเครื่องดื่ม อีกทั้งยังใช้ผลิตเป็นยากันยุงสูตรธรรมชาติที่ไม่เกิดอันตรายต่อร่างกายได้อีกด้วย
นอกจากนี้ในปัจจุบันกองพัฒนายา ได้นำรากกัญชามาวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์อยู่ 2 แบบ คือ 1. การนำรากมาบดเป็นผง และอัดเป็นแคปซูล เพื่อใช้รับทาน แบบที่ 2 นำไปกลั่นด้วยไอน้ำแล้วสกัดทำให้ออกมาอยู่ในรูปแบบผงฟู่ใช้ผสมน้ำดื่มซึ่งง่ายต่อการทาน แต่อย่างไรก็ตามทั้ง 2 แบบ ยังอยู่ในขึ้นตอนศึกษาทำวิจัยเพิ่มเติม ซึ่งในเบื้องต้นจะใช้ประโยชน์ในด้านต้านการอักเสบ อาการปวด บำรุงร่างกาย เป็นหลัก โดยทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์จากการวินิจฉัยว่า ควรให้ผู้ป่วยใช้อย่างไร เป็นไปได้ว่าในอนาคตอาจใช้แทนยาแก้ปวด เป็นการลดปริมาณการใช้ยาโดยไม่จำเป็นได้
ประโยชน์ของ รากกัญชา / กัญชง ในทางเศรษฐกิจ
หากพูดถึงการใช้ประโยชน์จากกัญชาหรือกัญชง ในช่วงที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญในส่วนดอก และส่วนอื่น ๆ เป็นหลักเพราะเป็นที่นิยมมากกว่า สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อีกทั้งการแพทย์แผนปัจจุบัน ในบ้านเราอาจไม่ได้สนใจถึงส่วนนี้ของรากกันสักเท่าไหร่ แต่แน่นอนว่าเมื่อมีการศึกษาวิจัยออกมาย่อมให้เป็นที่นิยมมากขึ้น มีประชาชนจำนวนมากสนใจอยากปลูกกัญชาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการนำมาใช้ในครัวเรือน หลายคนให้เป็นโอกาสเผื่อพัฒนาต่อยอดนำกัญชาไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ยิ่งรู้ว่าส่วนรากก็ยังใช้ได้ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มรายได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการที่ได้รับความนิยมปลูกเพิ่มมากขึ้นก็ทำให้มีความวิตกว่าราคาจะตก ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ในช่วงแรกเท่านั้น การปลูกกัญชานั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ได้ปลูกสำเร็จทุกคน เพราะวงจรของพืชชนิดนี้มีอายุประมาณเพียงแค่ 1 ปี เท่านั้นหลังจากนั้นจะค่อย ๆ เล็กลง และแห้งตายไปในที่สุด จะเห็นได้ว่าในภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งรากกัญชาก็เป็นส่วนที่สามารถขายได้ในราคาดีเป็นอย่าง โดยปัจจุบันรากกัญชาหรือรากกัญชงอบแห้งมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 15,000 บาทเลยทีเดียว และในอนาคตคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไปอีก จึงเป็นผลดีต่อเกษตรกรผู้เพาะปลูกอย่างแน่นอน
ซึ่งในการแพทย์แผนปัจจุบัน เราอาจไม่ได้สนใจถึงส่วนนี้ของกัญชาสักเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารากกัญชาอาจจะเป็นหัวข้อของงานวิจัยยอดนิยมได้ในอนาคต อีกทั้งรากกัญชาก็เป็นส่วนที่สามารถขายได้ในราคาดี โดยปัจจุบันรากกัญชาอบแห้งมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 15,000 บาทเลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่า ประโยชน์ของ รากกัญชา และกัญชง มีคุณสมบัติ ข้อดี ต่าง ๆ ไม่แพ้ใบ ช่อดอกหรือส่วนอื่น ๆ เลย ยิ่งศึกษาความเป็นมาก็จะรู้ว่า มีประวัติเพื่อรักษาโรคมาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคโบราณเป็นพันปี ไม่ว่าจะเป็นโลกทางตะวันตก หรือโลกตะวันออก และเชื่อว่าในอนาคต รากกัญชง กับรากกัญชา อาจเป็นส่วนสำคัญในการวิจัยค้นคว้าเพื่อต่อยอดในการบบำบัดรักษาอาการต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น จนกลายเป็นสิ่งที่ใช้แทนยาหลักในปัจจุบันก็เป็นได้ สำหรับในประเทศไทยที่อยู่ในช่วงต้นการปลดล็อก ก็ถือว่ายังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไป ในส่วนของผู้ที่เพาะปลูกก็ไม่ควรมองข้ามส่วนรากเป็นอันขาด เพราะถือว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างรายได้ สร้างกำไร ไม่น้อยไปกว่าส่วนดอกหรือส่วนใบเลย