สายพันธุ์กัญชา Sativa, Indica และ Ruderalis ความเป็นมา และความแตกต่าง

กัญชา (Cannabis) เป็นพืชที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกทั้งในการเพาะเลี้ยงเพื่อใช้เป็นยารักษาโรค และใช้เพื่อผ่อนคลาย การทำความเข้าใจสายพันธุ์ของกัญชาที่แตกต่างกัน สามารถช่วยให้เรารู้ว่าจะเลือกที่จะใช้สายพันธุ์แบบไหนที่เหมาะสมจุดมุ่งหมายการใช้ประโยชน์จากกัญชาของเรา มาทำความรู้จักกับสายพันธุ์หลัก 3 สายพันธุ์: Sativa, Indica, และ Ruderalis

กัญชาถือเป็นพืชที่มีประโยชน์หากใช้อย่างถูกวิธี  สายพันธุ์กัญชา Sativa, Indica และ Ruderalis ถือเป็นสายพันธุ์หลัก ๆ ที่มีอยู่ในโลก ซึ่งมีสรรพคุณการออกฤทธิที่แตกต่างกันออกไป

ประวัติและความเป็นมาของแต่ละสายพันธ์

สายพันธุ์กัญชาสามประเภทที่รู้จักกันคือ Sativa, Indica และ Ruderalis มีที่มาสืบเนื่องมาจากอดีต

  • Cannabis Sativa: ที่นำมาตั้งชื่อโดย Carl Linnaeus, นักพฤกษศาสตร์สวีเดน ในยุคของเขากัญชาถูกนำไปใช้เป็นเส้นใยในการทำเสื้อผ้าและผ้าใบสำหรับกินลมเรือ
  • Cannabis Indica: ต่อมาในศตวรรษที่ 18, นักธรรมชาติศาสตร์ฝรั่งเศสชื่อ Jean-Baptiste Lamarck ได้ค้นพบสายพันธุ์กัญชาที่มีลักษณะสูงและบาง และสายพันธุ์ที่สั้นและแข็งแรง และเขากำหนดชื่อสำหรับสายพันธุ์ที่สั้นและแข็งแรงว่า Cannabis indica
  • Cannabis Ruderalis: ในปี 1924, นักพฤกษศาสตร์รัสเซีย D.E. Janischewsky ได้ค้นพบสายพันธุ์กัญชาครั้งที่สาม สายพันธุ์นี้โตขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรและเล็กกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ทำให้เขาตั้งชื่อว่า Cannabis ruderalis

สายพันธุ์ทั้งสามนี้ถูกนำมาใช้ในการปลูก การขาย และการใช้งานกัญชา ทั้งสามสายพันธ์ได้ถูกนำเข้ามาในการเพาะเลี้ยงเพื่อทำสายพันธุ์และเพิ่มลักษณะใหม่ให้กับสายพันธุ์ไฮบริด HyBrid ที่เกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน

สายพันธุ์กัญชา ทุกประเภทให้สารสำคัญอยู่ 2 ชนิด

ในกัญชานั้นจริง ๆ แล้วมีสารออกฤทธิ์ มากกว่า 144 ชนิด และสารเคมีอื่น ๆ อีกมากกว่า 450 ชนิด ถึงแม้ไม่ได้ออกฤทธิ์โดยตรง แต่ก็ให้คุณสมบัติอื่นๆ เช่น กลิ่นหรือรส โดยสารสำคัญที่ส่งผลหลักๆ จะมีอยู่ 2 ชนิดก็คือ THC กับ CBD ซึ่งประโยชน์ก็สามารถแบ่งได้ดังนี้

อย่างไรก็ตาม สาร THC และ CBD ในกัญชามีประโยชน์ดังนี้

  • สาร CBD มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ลดการชักเกร็ง ช่วยให้สงบ ผ่อนคลาย และมีคุณสมบัติยังยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกหลายชนิดในหลอดทดลอง
  • สาร THC มีผลต่อจิต ประสาท ทำให้ผ่อนคลาย นอนหลับ ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และกระตุ้นให้อยากอาหารเป็นต้น

สายพันธุ์หลัก 3 สายพันธุ์: Sativa, Indica, และ Ruderalis

โดยในกัญชาแต่ละสายพันธุ์ ก็มีสารออกฤทธิ์มากน้อยแตกต่างกันออกไป โดยแบ่งได้ดังนี้

Sativa, Indica และ Ruderalis
รูปภาพจากเว็บไซต์ : vecteezy.com

สายพันธุ์กัญชา Sativa

Sativa (ซาติวา) เป็นชื่อภาษาละติน ตั้งโดย คาโรรัส ลินเนียส นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน โดยชื่อนี้มีความหมายว่า “สิ่งที่ได้จากการเพาะปลูก” โดยถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1753 ซึ่ง สายพันธุ์กัญชา Sativa จะเจริญเติบโตได้ดีในภูมิประเทศที่มีอากาศร้อนชื้นอย่างเช่น เม็กซิโก โคลัมเบีย ประเทศไทย เป็นต้น

  • ลักษณะสายพันธุ์กัญชา Sativa

การที่มักจะโตได้ดีในเขตร้อนชื้น ทำให้ลักษณะของกัญชาสายพันธุ์นี้ลำต้นมีความสูงโปร่งเพื่อให้ต้นได้รับแสงแดดได้เต็มที่ สามารถสูงได้ถึง 6 เมตร ส่วนของใบจะยาวเรียว มีสีเขียวเข้ม

การแตกช่อดอกจะมีอยู่หลายแบบแตกต่างกันออกไปตามสายพันธุ์ย่อยบางทีก็มีการแตกช่อคล้ายป๊อปคอร์น แต่ส่วนใหญ่ จะมีลักษณะเป็นช่อเรียว ยาว ใช้ระยะเวลาประมาณ 10 ถึง 16 สัปดาห์กว่าจะเจริญเติบโตเต็มที่พร้อมเก็บเกี่ยว

โดยกัญชาสายพันธุ์ Sativa ยังเป็นพันธุ์ที่พบเห็นได้มากที่สุดในประเทศไทย โดยทั้งหมดจะแบ่งย่อยได้มากกว่า 10 สายพันธุ์ โดยพันธุ์ที่นิยมก็อย่างเช่น หางกระรอกอีสาน ตะนาวศรีก้านแดง และก้านเขียว เกริงกระเวียน หางเสือ เป็นต้น

โดยต้นกำเนิดกัญชาในไทยจะมาจากพันธุ์หางกระรอก โดยสมัยรัชกาลที่ 5 พระราชทานเมล็ดพันธุ์กัญชาให้กับชาวบ้าน และชาวกะเหรี่ยงในจังหวัดสกลนคร ซึ่งได้นำไปปลูกครั้งแรกทที่อุทยานแห่งชาติภูพาน

  • การออกฤทธิ์ของ สายพันธุ์กัญชา Sativa

กัญชาทุกสายพันธุ์ของ Sativa เมื่อเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ จะไปกระตุ้นสมองโดยตรง ทำให้รู้สึกตื่นตัว เกิดความคิดสร้างสรรค์ และมีสมาธิ ดังนั้นการใช้กัญชาพันธุ์ Sativa จะมีประโยชน์สูงสุดก็คือในช่วงกลางวัน

  • ประโยชน์ของกัญชาสายพันธุ์ Sativa

กัญชาสายพันธุ์ Sativa เต็มไปด้วยสาร THC ที่สูงมาก จึงช่วยกระตุ้นระบบประสาท และสมอง ยังช่วยกระตุ้นให้รู้สึกหิวอยากทานอาหารจึงเหมาะกับผู้ป่วยที่เบื่ออาหารเช่น ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง และต้องทำคีโม

นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดต่าง ๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการการปวดหัวหัวไมเกรน หรือ ลดอาการคลื่นไส้ รวมไปถึงอาการซึมเศร้าได้

  • ผลเสียของ สายพันธุ์กัญชา Sativa

ผลเสียในการใช้ กัญชา Sativa การที่มีสาร THC เป็นจำนวนมาก หากใช้ครั้งแรก หรือใช้ในปริมาณที่มากไปอาจจะทำให้เกิดอาการเมา รวมไปถึงอาการหวาดระแวง กลัว ไม่กล้า แต่อย่างไรก็ตามหากใช้ในการแพทย์ (ไม่ได้เสพติด) โอกาสที่จะมีอาการ Overdose เกิดขึ้นนั้นน้อยมาก เพราะอาการ Overdose จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อต้องใช้กัญชาประมาณ 1 กิโลกรัม ภายใน 15 นาที จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ หรือหากได้รับสาร THC จากดอกเพียง 2-3 กรัมก็จะเกิดอาการเมาแล้ว

สายพันธุ์กัญชา Indica

กัญชาสายพันธุ์ Indica (อินดิกา) ถูกค้นพบโดย ฌอง-แบ๊บติสท์ ลามาร์ค ทหารนักชีววิทยา ชาวฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1785 ซึ่งเขาเองก็เป็นคนตั้งชื่อกัญชา และตีพิมพ์เผยแพร่ความรู้เรื่องกัญชาสายพันธุ์นี้ด้วย โดยการตั้งชื่อกัญชาว่า Indica ก็เป็นการตั้งตามแหล่งกำเนิดที่ถูกพบซึ่งก็คือ ประเทศอินเดีย จีน ทิเบต เนปาล  และบริเวณตะวันออกกลาง เช่น ปากีสถาน อัฟกานิสถาน โมร็อกโก เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะเป็นภูมิประเทศที่มีอากาศที่ค่อนข้างจะแห้ง

  • ลักษณะ สายพันธุ์กัญชา Indica

ลำต้นของกัญชาสายพันธุ์ Indica จะเป็นพุ่มเตี้ย เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะสูงประมาณ 180 เซนติเมตร ส่วนของใบเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ Sativa จะมีความเข้มพอ ๆ กัน แต่ใบจะกว้างกว่า และสั้นกว่า เพราะมีคลอโรฟีลล์มาก ดอกมีลักษณะอวบ หนาแน่นติดกัน นอกจากนี้ยังกิ่งก้านดกหนา ชอบอากาศเย็น จึงเหมาะสำหรับการปลูกในร่มเนื่องจากลำต้นไม่สูง ระยะเวลาการเติบโตพร้อมเก็บเกี่ยว ประมาณ 6-8 สัปดาห์

สำหรับกลิ่น และรสชาติก็มักจะแตกต่างกันออกไปตามพื้นที่เพาะปลูกมีทั้งกลิ่น กับรสชาติเหม็นฉุน ไปจนถึงกลิ่นหอม รสชาติหวานเหมือนผลไม้

  • การออกฤทธิ์ของ สายพันธุ์กัญชา Indica

กัญชา Indica มีสาร CBD จำนวนมาก เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้วออกฤทธิ์ระงับประสาท ทำให้กล้ามเนื้อ ลดการชักเกร็ง ช่วยให้สงบ ผ่อนคลาย ลดอาการปวดเรื้อรัง

  • ประโยชน์ของกัญชาสายพันธุ์ Indica

หากเทียบกับสายพันธุ์ Sativa สายพันธุ์ Indica จะมีสาร THC ต่ำกว่า แต่จะมี CBD สูงกว่า การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ส่วนใหญ่มักจะใช้ดอกมาสกัดเป็นน้ำมัน เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ อีกทั้งการทดลองในหลอกยังพบว่ามีคุณสมบัติยังยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกหลายชนิด นอกจากนี้ยังช่วยระงับความเจ็บปวด ระงับประสาท เหมาะกับการใช้เพื่อรักษาโรคเอ็มเอส MS หรือโรคปลอกประสาทอักเสบ อาการปวดกล้ามเนื้อทั่วร่างกายเรื้อรัง โรคแพ้ภูมิตนเองหรือ โรคพุ่มพวง ผู้ป่วยมะเร็งที่มีอาการปวดและคลื่นไส้จากการใช้เคมีบำบัด ทำให้เป็นประโยชน์ และเป็นที่ต้องการอย่างมากของผู้ป่วยทางการแพทย์

  • ผลเสียของ สายพันธุ์กัญชา Indica

ถึงแม้จะมี THC ต่ำ แต่หากรับในปริมาณมากไป ก็สามารถทำให้เมา และมีอาการ หวาดระแวง กลัว ไม่กล้าเช่นเดียวกับกัญชา Sativa

สายพันธุ์กัญชา Ruderalis

กัญชาสายพันธุ์ Ruderalis (รูเดอราลิส) เป็นภาษาละตินที่แปลว่าเศษหิน ถูกค้นพบ และนำข้อมูลมาเผยแพร่เป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1924 โดย ดี.อี. จานิสเชสกี้ ที่นักพฤกษศาสตร์ชาวรัสเซีย กัญชาสายพันธุ์นี้ได้รับการบันทึกว่าเติบโตในป่าในไซบีเรีย และบางส่วนของเทือกเขาหิมาลัยยังพบได้ทั่วโลกโดยเฉพาะทาง ตอนกลางของรัสเซีย ยุโรปตะวันออก กับทางตะวันออกกลาง

  • ลักษณะ สายพันธุ์กัญชา Ruderalis

กัญชาพันธุ์ Ruderalis จะมีลำต้นเตี้ยมากที่สุด และคาดว่าจะแข็งแรงมากที่สุดทนทานต่อความเสียหายที่เกิดจากแมลงและโรคได้ดี ลำต้นหากไม่สังเกตจะมีลักษณะเหมือนวัชพืช ใบสามแฉกกว้าง มีโทนสีเขียวอ่อนสามารถเจริญโตง่ายอย่างรวดเร็ว การเก็บเกี่ยวอาจใช้เวลาเพียงแค่ 70 วันเท่านั้น สามารถปลูกได้ทั้งสภาพอากาศร้อน และเย็น ดอกมีขนาดเล็ก การออกดอกของ Ruderalis จะแตกต่างจากสายพันธุ์อื่นที่มักจะออกดอกตามปริมาณแสงที่ได้รับ แต่Ruderalis จะออกดอกตามอายุของต้น

  • การออกฤทธิ์ของ สายพันธุ์กัญชา Ruderalis

หากเทียบกับสองสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ Ruderalis จะมีสาร THC ในปริมาณน้อยมาก (หากเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมอาจจะไม่มีสารตัวนี้อยู่เลย) ดังนั้นเมื่อร่างกายได้รับเข้าไปจึงไม่รู้สึกเมา จึงแทบจะไม่ถูกนำไปสูบ หรือเสพเพื่อการ สันทนาการ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจึงค่อนข้างจะมีผลไปทางบวก เช่นทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เจริญอาหาร ลดอกาการเจ็บปวด เป็นต้น

  • ประโยชน์ของกัญชาสายพันธุ์ Ruderalis

เนื่องจากมี THC ในปริมาณน้อยมาก แต่มีสารมีสาร CBD ที่สูงจึงมักนำไปผสมข้ามสายพันธุ์กับ Sativaและ Indica ทำมีประโยชน์ด้านการแพทย์เป็นอย่างมากโดยเฉพาะการเพิ่มคุณสมบัติทางยา กัญชาสายพันธุ์ Ruderalis ยังสามารถอาการการนอนไม่หลับ โรคลมบ้าหมู รวมไปถึงช่วยให้ ผ่อนคลายสงบ, ลดความวิตกกังวล, มีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น ช่วยลดการอักเสบ และอาการเจ็บปวด เป็นต้น

  • ผลเสียของ สายพันธุ์กัญชา Ruderalis

อย่างกล่าวไปแล้วว่ากัญชา Ruderalis นั้นมีสาร THC ในปริมาณน้อยมาก แต่เต็มไปสาร CBD จึงไม่นิยมมาเสพ และจะใช้ในการแพทย์เสียเป็นส่วนใหญ่ ผลเสียหรือผลกระทบต่อร่างกาย และสมองจึงไม่พบเจอ

ทังหมดนี้คือความเป็นมาและความแตกต่างของ สายพันธุ์กัญชา Sativa, Indica และ Ruderalis ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลดีต่อวงการแพทย์ที่คล้าย ๆ กัน จะแตกต่างกันในรายละเอียดเล็กน้อยเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหากใครต้องการจะใช้ประโยชน์ ก็ควรปรึกษาแพทย์ให้ละเอียด เพื่อที่จะได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพ และลดความเสี่ยงต่ออาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้

สายพันธ์กัญชาแบบ Hybird

ไฮบริด: สะท้อนความหลากหลายในตระกูลกัญชา เมื่อเราพูดถึงสายพันธุ์กัญชาต่าง ๆ เช่น ซาติวา, อินดิก้า, และรูเดอราลิส นั้นเราก็พูดถึงพืชที่แตกต่างกันทั้งด้านลักษณะภายนอก สารสำคัญของกัญชาและโปรไฟล์เทอร์ปีน แต่สายพันธ์ไฮบริด เป็นสายพันธ์กัญชาที่มีลักษณะหลากหลายเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างสายพันธุ์ สิ่งที่ท้าทายและน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับไฮบริดคือ ความหลากหลายที่มากขึ้นสำหรับผู้ที่รักกัญชา ตัวอย่างเช่น คุณสามารถพบเอกลักษณ์แบบ “อบอุ่นสุดขั้ว” ที่เป็นไฮบริดที่อยู่ตรงกลางระหว่างสายพันธุ์ซาติวาและอินดิก้าได้ อย่างไรก็ตาม คุณยังสามารถพบไฮบริดที่มีความเอียงไปทางหนึ่งหรืออีกทางหนึ่ง ตัวอย่างเช่น สายพันธุ์ Gelato ถือเป็นไฮบริดที่มีความเอียงไปทาง “อินดิก้า” มากกว่า เป็นต้น

ทั้งนี้ การเลือกใช้กัญชาสายพันธุ์ต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความต้องการของผู้ใช้ ทั้งนี้อย่าลืมว่า การใช้กัญชาควรเป็นภายใต้การดูแลของแพทย์ และต้องเชื่อมโยงกับกฎหมายที่เราอาศัยอยู่