วิธีปลูกกัญชาในร่ม (Indoor) ขั้นตอนสำคัญ สำหรับผู้เริ่มต้น

4

วิธีปลูกกัญชาในร่ม (Indoor)หรือปลูกแบบระบบปิด ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากการปลูกแบบกลางแจ้ง ซึ่งการปลูกในร่มสามารถใช้ได้ทั้งแบบเต็นท์ ในห้องหรือโรงเรือน ข้อดีของการปลูกแบบนี้คือ สามารถควบคุมกระบวนการผลิตได้แทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิ กำลังแสง ชั่วโมงการใช้แสง อาหารของพืช ความชื้น ระดับอากาศ ระดับน้ำที่พืชได้รับ การป้องกันวัชพืช และแมลง ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้ได้กัญชาคุณภาพสูงเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในวงการแพทย์ อีกทั้งสามารถกำหนดให้พืชทำใบหรือทำดอกได้ ปลูกได้ตลอดทั้งปีไม่จำเป็นต้องดูสภาพอากาศเหมือนการปลูกกลางแจ้ง จึงให้ผลผลิตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปลูกก็ไม่ยากนัก โดยมีขั้นตอนที่ต้องให้สำคัญหลัก ๆ ดังนี้

  1. เลือกห้องปลูกกัญชาที่เหมาะสม

ขั้นตอนแรกในการปลูกกัญชาในร่มก็คือ การให้ความสำคัญกับพื้นที่เพาะปลูก โดยต้องมีความปลอดภัยจากแมลง วัชพืช สามารถดูแลได้ง่ายทั้งกลางวัน และกลางคืน ต้องมีการจัดการเรื่องอุณหภูมิ ความชื้น อย่างรอบคอบ รวมไปถึงแสงไฟที่ต้องมีความพอดี โดยพื้นที่ปลุกกัญชาในร่มที่เหมาะสมมีดังนี้

เริ่มต้นจากพื้นที่เล็ก ๆ – วิธีปลูกกัญชาในร่ม (Indoor) ผู้ที่เริ่มต้น ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่หรือห้องขนาดใหญ่มากมาย สามารถใช้ห้องทั่วไปหรือจะใช้เต็นท์ขนาดเล็ก ตู้ อาจเป็นมุมใดมุมหนึ่งของบ้านก็เพียงพอแล้ว เพราะการเริ่มต้นเล็ก ๆ ด้วยการใช้พื้นที่ที่เหมาะสม ปลูกเพียง 2-3 ต้น จะทำให้การดูแลได้ง่ายมากขึ้น ถือเป็นช่วงแห่งการเรียนรู้ไปก่อน

พื้นที่ต้องมีความสะอาด – พืชกัญชาเป็นพืชที่สามารถสารสะสมทางชีวภาพได้ดี ดูดทุกอย่างที่อยู่รอบตัวไปสะสมในต้นได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นในอากาศหรือในดิน การปลูกกัญชาในร่มความสะอาดเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ควรแน่ใจว่าพื้นที่นั้น ๆ ต้องไม่มีความเสี่ยงต่อศัตรูพืช และสารปนเปื้อน ควรวางแผนการทำความสะอาดเป็นประจำอย่างน้อยทุก ๆ 2 สัปดาห์ เพื่อเป็นการป้องกัน และทำลายแบคทีเรีย เชื้อราที่เป็นอันตรายต่อพืช

พื้นที่ปลูกกัญชาต้องให้ระวังเรื่องแสง – การปลูกกัญชาในร่มโดยปกติจะใช้แสงจากหลอดไฟเป็นหลัก แต่ก็ต้องมีช่วงที่พืชกัญชาต้องหยุดรับแสงต้องการอยู่ในพื้นที่มืดสนิทต่อเนื่องเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ถึงจะออกดอกได้อย่างมีประสิทธิภาพมีความตูมสมบูรณ์ ดังนั้นในช่วงที่พักการให้แสงต้องแน่ใจว่าพื้นที่เพาะปลูกจะไม่มีแสงเล็ดลอดเข้าไปได้ ไม่เช่นนั้นกัญชาตัวเมียอาจสับสนจนกลายเป็นกัญชากะเทย

  1. เลือกปลูกแบบดิน กับ การปลูกแบบไร้ดิน

การปลูกกัญชาในร่มจะมีให้เลือกอยู่สองทางคือ การปลูกในดินแบบดั้งเดิมหรือปลูกไร้ดินแบบไฮโดรโปนิกส์ สำหรับมือใหม่ที่ปลูกเป็นครั้งแรกแนะนำว่าควรปลูกแบบใช้ดินจะดีกว่า เพราะปลูกได้ง่าย ดินต้นทุนไม่สูงราคาไม่แพง เสี่ยงต่อความผิดพลาดน้อย ดูแลไม่ยุ่งยากเท่ากับแบบไฮโดรโปนิกส์ แต่ก็ต้องมีข้อควรระวังเช่นกัน

การปลูกแบบดินในร่มหากใช้ดินทั่วไปจะไม่ค่อยได้ประสิทธิภาพที่ดีมากนัก จึงจำเป็นต้องใช้ดินปลูกพืชที่มีคุณภาพสูงมีลักษณะเบา โปร่ง ซึ่งบางที่อาจต้องใช้ โมสาท ชาร์จ (ฮิวมิกน้ำเข้มข้น) ช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดิน ให้โปร่ง ร่วนซุย ระบายน้ำ อากาศได้ดี ยังเป็นตัวช่วยในการดูดซับปุ๋ย และแร่ธาตุในดิน ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในช่วงแรก นอกจากนี้หลังจากปลูกแล้วยังต้องเพิ่มปุ๋ยในปริมาณที่เหมาะสม ตลอดจนสารอาหารจากปุ๋ยหมักอินทรีย์อื่น ๆ ด้วยเช่นกันวิธีเหล่านี้จะทำให้กัญชาเติบโตได้เร็ว และให้ผลผลิตมากขึ้น ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการใช้ดินธรรมดาตามธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน

ส่วนการปลูกแบบระบบไฮโดรโปนิกส์ ระบบส่งอาหารต่าง ๆ จากในน้ำไปสู่รากลำเลียงไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช หากใช้การปลูกไฮโดรโปนิกส์เหนือดินแบบดั้งเดิม ก็มีการปลูกอยู่หลายรูปแบบที่ไม่ซับซ้อน และเข้าใจได้ง่าย อย่าง Ebb and Flow แบบน้ำท่วม หรือ DWC การเพาะเลี้ยงน้ำลึก

  1. การเลือกใช้แสงไฟสำหรับ วิธีปลูกกัญชาในร่ม (Indoor)

การปลูกกัญชาไม่ว่าจะเป็นระบบไหนแสงคือสิ่งที่จะช่วยทำให้ผลผลิตดี มีคุณภาพสูงมากขึ้น  ยิ่งปลูกในร่มยิ่งต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะต้องลงทุนสูงก็ต้องทำซึ่งในระยะยาวจะให้ความคุ้มค่าอย่างแน่นอน โดยการเลือกใช้แสงไฟสามารถพิจารณาได้ดังต่อไปนี้

ไฟ LED

หากไม่มองว่าเป็นการใช้ต้นทุนที่แพงมากเกินไป การให้หลอด ไฟ LED เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ผู้ปลูกกัญชาในร่มส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้ เพราะเป็นไฟที่ให้ประสิทธิภาพสูง ไม่กินไฟให้ความร้อนไม่มากไป สามารถใช้ได้ทั้งวงจรพืช และวงจรการออกดอก

แต่ข้อเสียก็คือ ไฟ LED จะมีราคาสูงกว่าการใช้ HID 3-5 เท่า (หากติดตั้งอย่างเหมาะสม) แต่หากคิดจะปลูกแบบจริงจังการลงทุนด้วย LED ก็จะคุ้มกว่า

ไฟเหนี่ยวนำ

การใช้หลอดเหนี่ยวนำเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ปลูกในร่ม เป็นกระบวนการสร้างความร้อนจากการเหนี่ยวนำแม่เหล็กตั้งแต่ในศตวรรษที่ 19 ซึ่งหลอดไฟชนิดนี้มีหลาย ๆ บริษัทได้พัฒนาให้มีความเหมาะสมเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมกัญชาโดยเฉพาะ มีความคุ้มค่าทั้งในแง่ของต้นทุน และประสิทธิภาพ ให้แสงที่สว่าง และมีความร้อนน้อยเมื่อเทียบกับ HID

ไฟ HID

ไฟ HID (ไฟที่การคายประจุความเข้มสูง) เป็นไฟที่นิยมสำหรับปลูกกัญชาในร่มแบบ DIY ซึ่งหากมองในแง่ของต้นทุนก็ถือเป็นไฟที่ราคาถูก แต่ให้ประสิทธิภาพใช้ได้ มีการใช้งานที่ง่าย แต่หากมองถึงข้อเสียก็คือ ต้องมีการใช้อุปกรณ์เสริมจำนวนมาก เพื่อให้การทำงานเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายตามมาอีกหลายอย่าง

ยกตัวอย่างเช่น หากใช้หลอดไฟ HID ประเภท MH (หลอดเมทัลฮาไลด์) จะใช้ได้มีประสิทธิภาพสูงสุดในช่วงกัญชาเจริญเติบโต แต่หากเป็นช่วงกัญชาออกดอกก็ต้องใช้หลอดประเภท HPS (โซเดียมความดันสูง) ทำให้ไม่สามารถจบได้ที่ไฟเพียงประเภทเดียวได้ อีกทั้งยังมีความยุ่งยากในการเปลี่ยนหลอดไปมาอีกด้วย

นอกจากนี้ไฟ HID ยังสร้างความร้อนสูงพื้นที่ที่ใช้จำเป็นต้องมีการไหลเวียนของอากาศ และการปรับระบบอากาศอย่างเหมาะสม หากไม่เช่นนั้นอาจต้องใช้อุปกรณ์ระบายความร้อนด้วยอากาศเพิ่มขึ้น

ไฟจาก หลอดฟลูออเรสเซนต์

หลอดฟลูออเรสเซนต์ ถือเป็นหลอดไฟปลูกกัญชาที่มีราคาถูก มีประสิทธิภาพน้อยกว่าหลอดไฟอื่น ๆ ที่กล่าวมาทั้งหมด แต่ก็ใช้งานง่ายกว่าหลอดไฟอื่นเช่นกัน ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างดีในการใช้ช่วงขยายพันธุ์ของต้นอ่อน หรือปลูกโดยไม่ได้คาดหวังผลผลิตที่สูงมาก ซึ่งหากเป็นมือใหม่ที่กำลังเริ่มต้นปลูกแบบ DIY ปลูกเพียง 1-2 ต้น หรือมีพื้นที่น้อยหลอดไฟชนิดนี้ก็ถือเป็นทางเลือกที่ใช้ได้ทีเดียว

  1. อากาศที่ดี สุขภาพของกัญชาจะดีตามไปด้วย

ควรดูแน่ใจว่าพื้นที่สำหรับปลูกกัญชาในร่มมีการไหลเวียน มีการระบายอากาศที่ดีสม่ำเสมอทั่วแปลง วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือใช้พัดลมประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าพัดลมแบบตั้งพื้น พัดลมติดผนัง พัดลมติดเพดาน หรือพัดลมแบบกล่อง ซึ่งต้องจัดวางอย่างเหมาะสมเพื่อสร้างการไหลเวียนของอากาศที่ดีไปทั่วพื้นที่ ทั้งนี้หารเลือกใช้พัดลมก็ขึ้นอยู่กับขนาดของห้องปลูก

เคล็ดลับอีกอย่างในการใช้พัดลมเพื่อระบายอากาศ หากพบว่าอากาศภายในห้องสูงขึ้นให้ปรับพัดลมดูดอากาศให้สูงเพื่อให้สามารถดูดอากาศที่ร้อนได้ดีขึ้น และในการติดตั้งควรอยู่ในระดับต่ำไว้เพื่อพัดลมจะได้ดูดหาจัดหาอากาศบริสุทธิ์ที่เย็นให้กับพืช (เช่นวางพัดลมต่ำ แต่เงยใบพัดให้สูง) เคล็ดลับนี้จะช่วยรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่พอดีได้ โดยสายพันธุ์ทั่วไปส่วนใหญ่จะเจริญเติบโตได้ดีช่วงอุณหภูมิบนระหว่าง 75- 85 องศาฟาเรนไฮต์ หากปิดไฟควรรักษาอุณหภูมิให้อยู่ที่ 55 ถึง 75 องศาฟาเรนไฮต์

  1. พัฒนาระบบ ควบคุมการผลิต ติดตามอย่างใกล้ชิด

เมื่อทำตามขั้นตอนก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือ การพัฒนาและควบคุมดูแล แน่นอนว่าเราไม่ได้มีเวลาเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมงอย่างแน่นอน ดังนั้นควรมีตัวจับเวลา 24 ชั่วโมง และตัวควบคุมอุณหภูมิที่ปรับได้อัตโนมัติ ซึ่งทำให้เราสามารถตั้งค่าพัดลมดูดอากาศได้ตามต้องการเมื่ออุณหภูมิสูงกว่าระดับที่กำหนด ส่งผลให้แปลงเพาะปลูกจะมีความชื้นที่ค่อนข้างคงที่ และประหยัดพลังงาน ค่าใช้จ่าย ไปพร้อม ๆ กันด้วย

ในส่วนของตัวจับเวลาแบบ 24 ชั่วโมง ความสำคัญก็คือ หากกัญชาอยู่ในการเจริญเติบโต เราจำเป็นต้องเปิดไฟทิ้งไว้ประมาณ 16-24 ชั่วโมงต่อวัน หากเข้าสู่ช่วงโตเต็มที่จนไปถึงช่วงออกดอก กัญชายังต้องการแสงถึง12 ชั่วโมง อยู่ในความมืด 12 ชั่วโมง เครื่องจับเวลาก็จะช่วยแจ้งเตือนช่วงเวลาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้หากเป็นไปได้ก็ควรมีเครื่องวัดค่า pH สำหรับตรวจสอบคุณภาพน้ำ และดินที่จำเป็นต้องทำ หากอยู่ในช่วงเติบโตในดิน ให้รักษาค่า pH ให้อยู่ระหว่าง 6 ถึง 7 โดยที่จุดเหมาะสมที่สุดจะอยู่ที่ 6.2-6.5 ในกรณีปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ให้อยู่ที่ประมาณ 5.5 ถึง 6.5 ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสม

ทั้งหมดนี้ก็คือ ขั้นตอน วิธีปลูกกัญชาในร่ม (Indoor) สำหรับมือใหม่ หรือผู้ที่เริ่มต้นกำลังคิดจะปลูก ถึงแม้จะดูไม่ยุ่งยาก สามารถจัดการได้ง่าย ๆ แต่ก็จำเป็นต้องมีการศึกษาให้ละเอียดรอบคอบ มีการเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ มีความเหมาะสม เพื่อที่กัญชาจะให้ผลผลิตที่ดีได้ ที่สำคัญการปลูกกัญชาต้องใช้เวลาศึกษาด้วยตัวเอง เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้นทุกอย่างก็จะง่ายตามไปด้วย และก่อนที่จะตัดสินใจปลูกก็ควรขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง

Previous articleวิธีการปลูกกัญชากลางแจ้ง (Outdoor) ลงทุนน้อยให้ผลผลิตสูง
Next articleสรรพคุณของ กัญชง ประโยชน์มากมาย ที่รู้แล้วต้องทึ่ง